ทำความรู้จักกับโปรแกรม Radiesse
อีกหนึ่งโปรแกรมที่น่าสนใจ นั่นก็คือ โปรแกรม Radiesse®ซึ่ง เป็นการรักษาที่ใช้สารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ชนิดพิเศษที่มีชื่อว่า Calcium Hydroxylapatite (CaHA) มีคุณสมบัติในการเพิ่มวอลุ่มให้ผิวได้ทันที เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาริ้วรอยและการเสื่อมสภาพของผิวในระดับปานกลางถึงสูง เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และบริเวณคอหรือหลังมือ
จุดเด่นของโปรแกรม Radiesse
หากจะพูดถึงจุดเด่นคงเป็นเรื่องการเต็มเติมที่เห็นการเปลี่ยนแปลง เนื่องจาก CaHA ใน Radiesse เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนภายในผิว โดยเมื่อฉีดเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง เจลจะช่วยเติมเต็มวอลุ่มและลดร่องลึกต่าง ๆ ได้ทันที โดยมีอนุภาค CaHA ที่มีลักษณะเรียบและทรงกลม ช่วยสร้างโครงตาข่ายสามมิติ (3D matrix) ที่เรียกว่า "Scaffold" ซึ่งกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบาสต์ (Fibroblast) ให้ผลิตคอลลาเจนใหม่
การทำงานของ Radiesse ช่วยให้ผิวของคุณดีขึ้นได้อย่างไร
เมื่อสาร Radiesse ถูกฉีดเข้าสู่ผิว หน้าที่แรกคือการเติมเต็มวอลุ่ม นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้กับผิวในระยะยาว โดยกระบวนการนี้จะใช้เวลา 3-4 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยรวมแล้ว Radiesse สามารถช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวได้ถึง 5 องค์ประกอบหลัก ดังนี้
- Collagen type 1 เป็นคอลลาเจนที่พบมากที่สุดถึง 90% และเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างกระดูก ผิวหนัง และเส้นเอ็น พบกว่าเพิ่มขึ้น 150% ทำให้ผิวกระชับและเฟิร์มขึ้น
- Collagen type 3 มักจะพบในผิวหนัง กล้ามเนื้อ และหลอดเลือด พบว่าเพิ่มขึ้น 130% ช่วยให้การเรียงตัวเหมาะสม
- Elastin คือ โปรตีนที่ร่างกายผลิตขึ้นเพื่อให้ความยืดหยุ่นให้แก่เนื้อเยื่อในอวัยวะต่าง ๆ พบว่าเพิ่มขึ้น 260% ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น
- Proteoglycan เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในโครงสร้างของผิวหนังและข้อต่อ มีความชุ่มชื้นและเต่งตึงขึ้น
- Angiogenesis กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตเพื่อสุขภาพผิวที่ดี
Radiesse เหมาะปัญหาแบบไหน อายุเท่าไหร่ถึงเริ่มฉีดได้
Radiesse เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป และมีปัญหาผิวที่เริ่มสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน รวมถึงผู้ที่มีริ้วรอยหรือผิวที่หย่อนคล้อย เช่น
- ร่องแก้มหรือร่องน้ำหมากที่ชัดเจน
- ผิวหนังที่ขาดความชุ่มชื้นและหมองคล้ำ
- ริ้วรอยบริเวณหลังมือและคอ
การรักษาด้วย Radiesse จะช่วยคืนความสดใสให้กับผิวอย่างมีประสิทธิภาพ
จุดที่เหมาะสมในการฉีด
Radiesse สามารถฉีดได้ในหลายจุดบนใบหน้าและร่างกาย โดยมีตำแหน่งที่แนะนำ ได้แก่
- ร่องแก้ม ช่วยให้หน้าดูเด็กลงและลดร่องลึก
- ร่องน้ำหมาก ทำให้หน้าดูมีอายุลดน้อยลง
- หน้าแก้ม เติมเต็มวอลุ่มทำให้ผิวกระชับ
- กรอบหน้า ช่วยให้กรอบหน้าชัดเจน
- ขมับ เติมเต็มขมับที่ตอบให้ดูอ่อนเยาว์
- หลังมือ ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการสูญเสียไขมัน
อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ฉีดในบริเวณริมฝีปาก เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงได้
ความแตกต่างระหว่าง Sculptra และ Radiesse
- ส่วนประกอบ
- Sculptra ใช้ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนภายในผิวหนัง ต้องมีการผสมน้ำเกลือก่อนฉีด
- Radiesse ใช้ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ที่สามารถฉีดได้ทันที ไม่ต้องผสมน้ำ
- วิธีการทำงาน
- Sculptra: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างช้าๆ โดยใช้เวลาหลายเดือนถึงปีเพื่อเห็นผลลัพธ์
- Radiesse ให้ผลลัพธ์ในการเติมเต็มทันที พร้อมกับกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
- ผลลัพธ์
- Sculptra ผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้นในช่วงเวลานานและสามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี
- Radiesse ผลลัพธ์ทันทีและสามารถอยู่ได้นาน 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
- การใช้งาน
- Sculptra เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณกว้าง เช่น ใบหน้าโดยรวม
- Radiesse เหมาะสำหรับการเติมเต็มเฉพาะจุด เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือกรอบหน้า
- ข้อจำกัด
- Sculptra ต้องใช้เวลาสำหรับการเห็นผล อาจต้องทำหลายครั้ง
- Radiesse ไม่แนะนำให้ฉีดในบริเวณริมฝีปากเนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียง