PICOSURE เทคโนโลยีเลเซอร์เพื่อผิวกระจ่างใส
ในยุคที่เทรนด์การดูแลผิวเป็นสิ่งสำคัญ เน้นความเป็นธรรมชาติ หลาย ๆ คนจึงหันมาดูแลสุขภาพผิวมากยิ่งขึ้น เมคอัพให้น้อยลง ซึ่งหลักการทำงานของ Picosure ช่วยตอบโจทย์ความต้องการได้ดีที่สุด เพราะจุดด่างดำ ฝ้า กระ เป็นปัญหาที่หลายคนกังวลใจ จึงต้องใช้วิธีปิด กลบ ด้วยการแต่งหน้าที่ทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ เพราะไม่กล้าเผยผิวนั่นเอง
สำหรับโปรแกรม Picosure จะใช้พลังงานความถี่สูง เพื่อยิงลงไปยังผิวหนัง ต่างจากเลเซอร์บางชนิดที่ใช้ความร้อน คุณสมบัตินี้เอง จึงช่วยลดความเสี่ยงในการทำลายเนื้อเยื่อบริเวณรอบข้าง ลดการเกิดผิวไหม้ เป็นแผลตกสะเก็ด ทำให้คนไข้รู้สึกสบายผิวมากยิ่งขึ้น
เทคโนโลยี Picosure นี้ได้รับการออกแบบให้มีความยาวคลื่นที่เหมาะสม คือ ช่วง 532, 755 และ 1064 นาโนเมตร ทำให้สามารถรักษาปัญหาผิวที่เกี่ยวข้องกับเม็ดสีได้หลากหลาย นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มเลนส์พิเศษที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาเม็ดสีที่กำจัดยาก เช่น ฝ้า กระลึก กระตื้น จุดด่างดำ และรอยสักอีกด้วย
ประโยชน์ของ Picosure ไม่ได้เพียงรักษาแค่ปัญหาเม็ดสีเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนังของคนไข้ ทำให้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยถูกแก้ไข ทำให้ใบหน้าของคนไข้กลับมากระจ่างใสและอ่อนวัยขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โปรแกรม Picosure เหมาะกับใคร ?
- ผู้ที่มีปัญหารอยสิวและหลุมสิว
- ผู้ที่มีปัญหาผิวรูขุมขนกว้างและผิวไม่เรียบเนียน
- ผู้ที่มีริ้วรอยและต้องการผิวที่ดูเต่งตึงขึ้น
- ผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ
- ผู้ที่มีรอยแผลเป็นจากสิวหรือการผ่าตัด
- ผู้ที่ต้องการลบรอยสักที่ไม่ถูกใจ
โดยจำนวนครั้งในการรักษา Picosure คุณหมอจะเป็นผู้ประเมินและวางแผนการรักษาจากปัญหาของคนไข้ ซึ่งแต่ละคนจะมีปัญหาที่รุนแรงแตกต่างกันตามแต่บุคคล
- สำหรับปัญหาฝ้าไม่มาก รอยสิว หลุมสิว หรือจุดด่างดำ แนะนำประมาณ 3-5 ครั้ง
- สำหรับปัญหาลบรอยสักอาจต้องใช้เวลา 4-5 ครั้ง โดยควรเว้นระยะประมาณ 2-4 สัปดาห์ต่อครั้ง
ก่อนการรักษา ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
- งดการออกแดดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์
- งดทาครีมที่เกี่ยวกับการผลัดเซลล์ผิวอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำ
- แจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือประวัติการแพ้ยา
หลังการรักษา ควรดูแลผิวดังนี้
- หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยตรง หรือใช้ครีมกันแดด SPF 30+ ขึ้นไป
- งดการแต่งหน้า 24 ชั่วโมงหลังทำ
- ทำความสะอาดบริเวณที่รักษาเบาๆ ด้วยสบู่และน้ำเปล่า ห้ามแช่น้ำ
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดรอยช้ำบริเวณที่รักษา
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA หรือกรดวิตามินเอ
นอกจากนี้ ในทางการแพทย์ก็มีข้อห้ามบางอย่างที่คนไข้ควรปฎิบัติตาม เช่น
- ผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยยาที่ทำให้ไวต่อแสงแดดมากขึ้น
- ผู้ที่มีโรคลมชักที่ถูกกระตุ้นได้ด้วยแสง
- ผู้ที่กินยาในกลุ่ม Isotretinoin ภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา
- ผู้ที่มีการติดเชื้อหรือแผลเปิดในบริเวณที่จะรักษา
- ผู้ที่มีโรคทางระบบในร่างกาย เช่น โรคพุ่มพวง หรือ แพ้ภูมิตัวเอง
- ผู้ที่มีไฝหรือปานที่อาจพัฒนาเป็นมะเร็งผิวหนัง
- ผู้ที่มีเชื้อเริมในบริเวณที่จะรักษา
- ผู้ที่กำลังรักษาหรือเคยได้รับการรักษาด้วยทองคำ
- สตรีที่ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
